วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ปฐมบทแห่งสันติภาพ EPISODE 3




       เหตุการณ์เลวร้ายได้ผ่านไปราวฟ้าหลังฝน สรรพสัตว์อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ภาพเนื้อแม่ลูกอ่อนป้อนนมลูก ผีเสื้อหลากสีบินดอมดมดอกไม้ เสือโคร่งขนาดเขื่องวิ่งไล่ตะปกควายป่าที่อ่อนแรง ปลาใหญ่กินปลาน้อย หรือฝูงไฮยีน่าโจมตีสิงโตชรา ภาพเจนตาของโลกที่ดำเนินไปตามวัฏจักร กฏแห่งป่าถูกนำมาใช้ได้อย่างลงตัว ไม่มีอาวุธทำลายล้างไม่มีโรงงานอุตสาหกรรม กฏแห่งธรรมชาติค่อย ๆ รักษาโลก โลกที่เกือบจะหมดลมจะเงื้อมือมนุษย์



       แต่ทว่า..
       ท้องฟ้าที่เคยสดใส บัดนี้กลับมีวัตถุทรงกลมขนาดใหญ่แต่งแต้มเงาดำทะมึน มันลอยนิ่งกระพริบแสงวาบ ๆ จนแสบตา กระจายอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ในโลกกว่าสองร้อยจุด สร้างความหวาดกลัวให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย

       หลังจากทราบเรื่อง พณฯ ท่านปุ่น ผู้นำสูงสุดได้มีประกาศเรียกผู้ปกครองรัฐต่างๆทั่วโลกให้มาประชุมกันที่สภา ท่าน้ำวัดสามชุก แผนเตรียมการรับมือกับเรื่องประหลาดบนฟากฟ้า นี่เป็นเหตุระทึกครั้งแรกนับตั้งแต่โลกใหม่ได้อุบัติขึ้น

       ผู้การ ฯ วี นกอินทรีผู้บัญชาการกองทัพอากาศ รับอาสาพาหน่วยลาดตระเวนอีแร้ง บินขึ้นสำรวจสิ่งประหลาดบนท้องฟ้า ซึ่งจะบรรทุกหน่วยสอดแนมกองฟันแหลม ที่ติดเครื่องมีอสื่อสารทุกรูปแบบ ซึ่งนำทีมโดยผู้กอง 'นุชา หนูนานักสู้จากทุ่งใหญ่นเศวร

       เย็นวันนั้น..ภาพมนุษย์ต่างดาวในชุดเกราะแปลกตาที่ชุดสอดแนวของผู้กอง 'นุชาส่งภาพผ่านดาวเทียมมานั้น สร้างความตื่นตระหนกแก่บรรดาผู้ปกครองรัฐเป็นอันมาก สัตว์ป่านานาชนิดถูกชำแหละบนเตียงผ่าตัด มันช่างเป็นภาพที่น่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก

       ภารกิจอพยพพลเรือนถูกจัดให้บิ๊กพัท ปลาวาฬแม่ลูกอ่อน รับผิดชอบการอพยพทางทะเล ส่วนทางบก ให้ป๋าเลื่อน ช้างเฒ่าใจดีจากทุ่งใหญ่นเรศวรเป็นผู้ดูแล

       5 วันต่อมา ภายใต้การวางแผนของ พณฯ ท่านปุ่น ภารกิจอพยพพลเรือนประสบความสำเร็จได้ด้วยดี วัดสามชุกขณะนี้ได้กลายเป็นศูนย์ปฏิบัติการการฉุกเฉินเพื่อผู้ประสบภัย (ศ.ป.พ.ภ.) ผืนป่ารอบ ๆ วัดถูกพัฒนาให้เป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวกินบริเวณนับร้อยกิโลเมตร ในขณะที่ยานอวกาศยังลอยนิ่งอยู่ที่เดิม โดยมีกองกำลังเสือป่า ภายใต้การคุมทีมของ อัสด้า กอลิล่าแม่ม่ายและ ซาโตริลิงกังญี่ปุ่นตาเดียว

       และแล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อมียานอวกาศลำหนึ่งค่อย ๆ เคลื่อนที่มาลงจอดที่หน้าศูนย์ฯ ยานโลหะขนาดใหญ่ เสียงเครื่องยนต์ดังลั่นพาให้สัตว์ใหญ่น้อยต้องแตกฮือวิ่งหนีกันนละทิศคนละ ทาง ผงฝุ่นฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วบริเวณในขณะที่มันลงจอด สัตว์กินเนื้อกองอารักขา พณฯ ท่านปุ่น แหวกวงล้อมโกลาหล โดดเข้าขวางเป็นแนวยาวประจัญหน้าขู่คำรามยานของผู้มาเยือน

       เมื่อฝุ่นจางลงและประตูของยานเปิดออก เงารางของสิ่งมีชีวิตในยานก็ปรากฏขึ้น และเริ่มเด่นชัดขึ้น ชัดขึ้นเมื่อเงานั้นเดินเข้ามาใกล้

       "เฮ้ย..นั่นมันมนุษย์นี่" จ่าลาย เสือโคร่งจากเขาเขียวร้องตะโกนขึ้น

       เหล่าองครักษ์ พณฯ ท่านปุ่น หันมามองตากันเลิ่กลั่ก ก่อนที่จะตัดสินใจวิ่งกรูไปจัดการผู้มาเยือน

       "หยุด!!" เสียงไอ้ควนตวาดดังกึกก้อง กองอารักขาสะดุ้งหยุดตามคำ

       "ข้ามีเรื่องที่จะคุยกับ ท่านปุ่น"

       ร่างมนุษย์ต่างดาวนักบินที่ถูกพันธนาอย่างแน่นหนาถูกไอ้ควนเหวี่ยงจนล้มกลิ้งอยู่หน้าจ่าลาย

       "ข้าต้องการคุยกับท่านปุ่น" ไอ้ปุ่นยืนคำเดิม

       ในห้องประชุมท่าน้ำ..หลังจาก พณฯ ท่านปุ่นได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากไอ้ควน ก็ถึงกับหน้าถอดสี เนื่องจากเหลือเวลาอีกเพียง 5 วัน จะถึงกำหนดที่มนุษย์ต่างดาวจะเปิดฉากโจมตีโลก

       "เราจะทำอย่างไรกันดีรึ ท่านควน"

       ไอ้ควนยิ้มอย่างมีเลศนัย "ข้าเคยสู้กับไอ้พวกนี้ ข้ามีวิธี"...

       ที่ดาวทามาดัม
       กษัตริย์ธีลินดูร์ ตรวจสอบเครื่องเคลื่อนย้ายสสารอย่างใกล้ชิด เพราะจากการตรวจเมื่อวันก่อน พลังงานที่เตรียมไว้สำหรับส่งกองทัพไปยึดโลกนั้น สามารถส่งยานรบไปได้เพียง 20 ลำ

       "เราทำได้เพียงเท่านี้ พะย่ะค่ะ การส่งยานรบขนาดใหญ่จำต้องใช้พลังงานมหาศาล" หัวหน้าช่างเครื่องรายงาน

       "ไม่เป็นไร อีกฝ่ายเป็นเพียงแค่สัตว์โลกชั้นต่ำ เราคงไม่จำเป็นต้องใช้ทหารจำนวนมาก แค่กองพันของท่านฯพลเอกมิวแทซ 10,000 นาย ก็คงเอาชนะได้ไม่ยาก" กษัตริย์ธีลินดูร์เอ่ยอย่างมั่นใจ

       อีกเพียง 2 วันก็ถึงกำหนดโจมตีโลก "โลกจะต้องเป็นของเรา" กษัตริย์ธีลินดูร์ มองลงไปดูการฝึกของกองพันพลเอกมิวแทซ

       ที่โลก
       ไอ้ควนกับเพื่อนมนุษย์ผู้ชายอีกสี่คน กำลังเฝ้าฝึกกองกำลังพิทักษ์โลก อาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ถูกนำออกมาใช้หลังจากถูกเก็บรักษาไว้ ส่วนสาว ๆ อีก 4 คน ก็กำลังฝึกในเรื่องการปฐมพยาบาล..ไอ้ควนดูพัฒนาการด้านอาวุธของบรรดาฝูงลิง กว่า 5,000  ตัว "สงครามครั้งนี้เราต้องชนะ" ไอ้ควนหันไปเอ่ยกับ พณฯ ท่านปุ่น

       จุดอ่อนของมนุษย์ต่างดาวที่ไอ้ควนพบตอนต่อสู้กับพวกมันก็คือ ผิวหนังอันบอบบางใต้ชุดเกราะ ซึ่งเป็นเพียงส่วนห่อหุ้มโพรงอากาศสำหรับหายใจ ขอแค่สร้างบาดแผลแม้เพียงเข็มแทง ก็สามารถจัดการพวกมันได้

       "ศึกครั้งนี้ เราต้องไม่แพ้ ความสูญเสียเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ขอเพียงเราร่วมมือกัน เราต้องชนะแน่นอน" ไอ้ควนกล่าวสุนทรพจน์ทิ้งท้ายก่อนเปิดศึก เสียงเฮดังลั่นไปทั่วลุ่มน้ำท่าจีน..พณฯ ท่านปุ่น ปรบครีบชื่นชมความเป็นมนุษย์ในตัวไอ้ควน

       และแล้วก็ถึงกำหนดวันยึดโลก

       ที่ฟากฟ้าทางทิศตะวันออก หมู่เมฆม้วนตัวเป็นเกลียวยาว แสบวาบขาวพุ่งผ่านเกลียวเมฆนำยานรบของขาวทามาดัม ยานที่เคยลอยนิ่งอยู่เหนือเมืองสำคัญบินเข้ามาสมทบจัดทัพขบวนรบ ประจัญหน้ากับกองกำลังพิทักษ์โลกที่นำโดยไอ้ควน

       ฝูงบิน F-16 กว่าสองร้อยลำของพันจ่าเอกโรนัลโด้ หมูป่าจากเขาใหญ่ บินทะยานขึ้นมุ่งดิ่งไปทางกองทัพชาวทามาดัม

       "น้องกุหลาบ พี่ฝากดูแลลูก ๆ ของเราให้ดี อย่างลืมเล่าถึงวีรกรรมของพี่ให้เค้าได้ภูมิใจในตัวพี่" พันจ่าเอกโรนัลโด้ คิดถึงคำลาจากเมียรัก พลางน้ำตาคลอดูรูปครอบครัวในมือ..

       ชั่วอึดใจ โดยไม่ทันที่ชาวทามาดัมจะทันตั้งตัว ฝูงบิน F-16 ก็พุ่งเข้าชนยานบินจนเสียงระบิดดังสนั่นไปทั่วคุ้งน้ำ..แสงวาบแดงกลบแสง อาทิตย์ยามเช้า ก่อนที่ควันดำพวยพุ่งขึ้นจนปิดมิดท้องฟ้า ยานรบชาวทามาดัมค่อย ๆ ร่วงลงจอดเนื่องจากเสียหายหนัก

       เสียงเฮดังลั่นศูนย์อพยพ นางกุหลาบหมูป่าแม่ม่ายสด ๆ ร้อน ๆ น้ำตาซึม

       ทันทีที่ยานรบแต่ถึงพื้น พลเอกมิวแทซ ยังงงกับแผนการรบของชาวโลกไม่หาย เมื่อได้สติจึงออกคำสั่งให้เปลี่ยนเป็นแผนการรบภาคพื้นดิน หุ่นยนต์รบที่บังคับโดยชาวทามาดัมติดอาวุธหนักถูกลำเลียงออกจากยาน ไอ้ควนมองเห็นจากกล้องส่องทางไกล..รูปทรงและขนาด ของมันเหมือนช้าง!!

       ไอ้ควนปรับแผนการรบเช่นเดียวกัน ช้างศึกติดอาวุธบรรทุกกองพลอาวุธหนักชิมแปนซีถูกใช้เป็นทัพหน้า ขณะกองพลทหารราบเสือดาว ซึ่งสนธิกำลังกับลิงแสมฝีมือเยี่ยมที่ผ่านการฝึกใช้อาวุธจากไอ้ควน ตีโอบขนาบทางด้านข้าง ส่วนไอ้ควนกับเพื่อนมนุษย์ ขับรถถังออกหน้าพร้อมบัญชาการรบด้วยตัวเอง

       อาวุธของทั้งสองฝ่ายต่างพุ่งเข้าใส่กัน เสียงระเบิดตูมตาม ฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปทั่ว ไม้ใหญ่รอบ ๆ หักล้มระเนระนาดไฟลุกท่วม ทหารทั้งสองฝ่ายล้มตายลงเป็นจำนวนมาก กองซากเครื่องมือทำลายล้าง กองซากศพทหาร เศษซากความเสียหายทั้งชีวิตและธรรมชาติที่เคยเขียวขจี ปรากฏให้เห็นในสมรภูมิมากขึ้น..มากขึ้น

       พณฯ ท่านปุ่น นั่งก้มหน้าน้ำตาไหลพลาก "ไยโลกต้องเผชิญกับเรื่องแบบนี้..อีกครั้ง"

       เวลาล่วงผ่านไปจนเกือบค่ำ ภาพความเสียหายกลับเด่นชัดขึ้นแม้อาทิตย์จะเริ่มลาลับขอบฟ้า

       ในที่สุดชัยชนะก็ตกเป็นของชาวโลก พลเอกมิวแทซกับทหารอีกสามร้อยกว่านายถูกจับเป็นเชลย สัตวชาติล้มตายนับหมื่นตัว ในขณะที่ชาวทามาดัมก็ล้มตายไปพอ ๆ กัน ผืนป่าเสียหายกินบริเวณกว้างนับพันตารางกิโลเมตร

       ทันทีที่ไอ้ควนนำตัวเชลยมาถึงศูนย์บัญชาการฯ หมวดดุกได้มีคำสั่งให้ประหารชีวิตเชลยทั้งหมดเพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับพี่ น้องสรรพสัตว์ทั้งหลาย..แต่ไอ้ควนได้ขอไว้ มันอยากคุยกับพลเอกมิวแทซ

       เช้าวันรุ่งขึ้น พลเอกมิวแมซกับลูกน้องขับยานบินลำที่ไอ้ควนยึดมาได้จากป่าเมืองกาญจน์ กลับไปยังดาวทามาดัม

       การให้อภัย และความใจอ่อนของคนไทย หลังจากไอ้ควนได้ฟังเรื่องราวของความเดือดร้อนของชาวทามาดัม จากปากพลเอกมิวแทซ มันจึงไปปรึกษากับ พณฯ ท่านปุ่น ว่าจะให้พื้นที่บนดวงจันทร์เป็นพื้นที่อาศัยของชาวดาวทามาดัม ซึ่งท่านปุ่นก็เห็นชอบด้วย และหวังว่าวิทยาการของชาวทามาดัมจะฟื้นฟูโลกให้กลับเป็นปกติ ซึ่งพลเอกมิวแทซก็รับปากว่าจะไปรายงานให้กษัตริย์ธีลินดูร์พิจารณา

       6 เดือนต่อมา โลกก็กลับเป็นปกติอีกครั้ง อาวุธทำลายล้างถูกนำไปเก็บไว้เช่นเดิม ชาวดาวทามาดัมทยอยอพยพกันมาอาศัยบนดวงจันทร์ นักวิทยาศาตร์ชาวทามาดัมถูกส่งมาช่วยชาวโลกในการพัฒนาสภาพแวดล้อมซึ่งจำเป็น ต่อการใช้ชีวิตของทั้งชาวโลกและชาวทามาดัม และยังมีการพบมนุษย์อีกเกือบพันคนที่เคยถูกจับไปทดลอง พณฯ ท่านปุ่น จึงมีคำสั่งให้แต่ละเชื้อชาติกลับไปพัฒนาประเทศบ้านเกิดของตนร่วมกับสัตว์ โลก

       ไอัควน หลังจากเสร็จศึกครั้งนั้น มันก็ขอแยกตัวไปอยู่อาศัยที่ป่าเมืองกาญจน์เหมือนเดิม แต่การไปครั้งนี้มีอีเหว่าสาวน้อยบ้านป่าที่มันช่วยไว้เมื่อ 6 เดือนก่อนได้ติดตามไปสร้างครอบครัวดัวยกัน

       โลกกลับสู่ความสงบสุขอีกครั้ง กิเลสตัณหาหรือความละโมบโลภมากบนโลกนั้นเกือบจะหมดไปจากโลกนี้

       "ตราบเท่าที่ยังมี "มนุษย์" แม้เป็นเพียงจุดเล็ก ๆ ของสังคม แต่ใจที่สุดหยั่งอาจส่งผลในภายภาคหน้าได้"

       พณฯ ท่านปุ่นรำพึง...


จุลชีพ   โจ๋

๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น