วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ปฐมบทแห่งสันติภาพ EPISODE 2.47




       โลกถูกฟื้นฟูจนเป็นสภาพอันสมบูรณ์ที่สุดนับตั้งแต่ได้อุบัติขึ้นในระบบ สุริยะจักรวาล ความสงบร่มเย็นอันปราศจากความโลภ ความเห็นแก่ตัว การอยู่ร่วมกันโดยไร้ซึ่งอาวุธทำลายล้าง การอยู่ร่วนกันด้วยความรักและใช้ชีวิตตามวงจรชีวิตดั้งเดิม..การเปลี่ยนแปลง นี้ถูกเฝ้าดูผู้มาเยือนซึ่งแฝงเร้นเข้ามานับร้อยปีในช่วงที่โลกอยู่ในเงื้อม มือของมนุษย์..

       มหันตภัยครั้งสำคัญกำลังมาเยือนโลกอันแสนสงบอีกครั้ง



       ไกลออกไปอีกหลายล้านปีแสง ในเอกภพไร้ชื่อ บนดาวที่ใกล้ตายนาม "ทามาดัม" ซึ่งปกครองด้วยกษัตริย์ "ธินลีดูร์" สภาพบ้านเมืองย่ำแย่มานานกว่าสองร้อยปี เทคโนโลยีที่พัฒนาส่งผลให้เกิดการเสื่อมของ ดาวทามาดัม สภาพแวดล้อมอันย่ำแย่จากผลพวงของอุตสาหกรรม ทำให้พื้นผิวของดาวทามาดัมเป็นเพียงแท่นยึดยานอวกาศ 4,500 ลำเป็นเมืองลอยฟ้าขนาดยักษ์ให้ประชากรจำนวนเกือบ 450 ล้านคนอาศัย ส่วนบนดาวมีเพียงเครื่องจักรที่ทำงานเพื่อนำทรัพยากรพลังงานอันน้อยนิดเพื่อ ความอยู่รอดของประชากรดาวทามาดัม

       "ขอประทานอภัย พะย่ะค่ะ" เสียงเรียกจากจาก พลเอกมิวแทซ ปลุกให้กษัตริย์ธินลีดูร์ ตื่นจากภวังค์

       "มีอะไรรึ ท่านนายพล" กษัตริย์ธินลีดูร์ ละสายตาจากภาพท้องฟ้าที่แดงฉานจากควันของภูเขาไฟ

       "เมื่อสักครู่ เราได้รับการยืนยันแผนอพยพจากหน่วยลาดตระเวนที่ดาวโลก พะย่ะค่ะ" นายพลรายงานด้วยสีหน้าตื่น

       กษัตริย์ธินลีดูร์ ตื่นเต้นตามคำที่นายพลมิวแทซรายงาน "ชนชาวทามาดัมมีหนทางรอดแล้ว"

       คำสั่งปฏิบัติการยึดโลกถูกถ่ายทอดไปยังทุกระดับชั้น กองกำลังทหารกว่าสองแสนนายที่นำโดยนายพลมิวแทซ เตรียมยกพลไปโจมตีโลกในอีก 10 วัน

       ในป่าลึกเขตติดต่อชายแดนไทย-พม่า

       ไอ้ควนเด็กหนุ่มหลงป่า บัดนี้มันใช้ชีวิตอยู่ในป่าราวกับบ้านของมัน วิบากกรรมกว่า 5 ปีที่ผ่านมาได้สร้างให้มันแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ข่าวสารที่มันแอบได้ยินเหล่าสัตว์ที่แวะเวียนกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด ทำให้มันรู้ว่ามันเป็นมนุษย์คนสุดท้ายบนโลก ไม่มีคำอ้อนวอนใดๆออกจากปากไอ้ควน มันคิดเพียงแต่เอาตัวรอดให้ได้ในป่า เผื่อจะพบกับผู้รอดชีวิตคนอื่น เจ้าปุ่นแอบซ่อนความหวังเล็ก ๆ ในใจ

       ทุกๆวัน ไอ้ควนจะออกหาอาหารซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผลไม้ป่า จะมีบ้างที่มันได้เนื้อสัตว์มาเป็นอาหารมากิน เพราะต้องอยู่รอดให้ได้ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ สัญชาตญาณนักล่าทำให้มันต้องฝึกฝนตัวตนให้แข็งแกร่ง มีหลายครั้งที่มันได้กินหมูป่า ควายป่าหรือแม้กระทั่งเสือขนาดเขื่องที่กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดในป่า

       วันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวัน ไอ้ควนออกหาอาหารตั้งแต่เช้าตรู่ มันเดินมาเรื่อยๆตามแนวสันเขาห่างไกลจากเส้นทางเดิม เร้นหลืบพุ่มไม้ตลอดแนวสันเขาวันนี้หาผลไม้ยากเหลือเกิน ไอ้ควนหวังจะเจอสัตว์สักตัว

       "ฟุ่บ ๆๆๆ" ไอ้ควนชะงัก..มันได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่หลังพุ่มไม้ "ลาภปากแล้ว" มันนึกในใจ

       ไอ้ควนค่อยเคลื่อนย่องไปตามต้นเสียง หลังพุ่มไม้จนหายลึกเข้าไปทางปากถ้ำเชิงเขา

       ความมืดในถ้ำ ทำให้มันต้องหลับตาเพื่อปรับสภาพให้ชินกับความมืด แล้วค่อยๆย่องเข้าไปในถ้ำ ลึกเข้าไป..ลึกเข้าไป

       ไอ้ควนนึกแปลกใจ กับความเรียบลื่นของผนังถ้ำ มันไม่เหมือนกับที่เคยดูในช่องเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก ไอ้ควนเดินลึกเข้าไป..ลึกเข้าไป

       แสงวาบ ๆ ตรงโค้งผนังถ้ำ ยิ่งทำให้เจ้าควนนึกสงสัยหนักขึ้น มันเคลื่อนที่ช้า ๆ ไปยังต้นกำเนิดแสงอย่างระมัดระวังมากขึ้น

       ภาพโพรงถ้ำทรงกลมขนาดใหญ่ ภายในมีเครื่องมือทดลองวิทยาศาสตร์แปลกตา ตั้งอยู่เต็มไปหมด

       แต่ที่แปลกยิ่งกว่าก็คือ สิ่งมีชีวิตในชุดเกราะปกปิดร่างกายอย่างแน่นหนา แม้ว่าท่าทางการเดินจะคล้ายกับคน แต่ทรงขาที่บิดงอเหมือนขาหลังของม้า กับแขนสี่แขนที่เคลื่อนที่คล่องแคล่ว ไอ้ควนรู้ได้ทันทีว่า เบื้องหน้ามันนั่นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกนี้อย่างแน่นอน

       ไอ้ควนขยับเข้าไปใกล้ๆอย่างระวังเพื่อสำรวจบริเวณรอบๆอย่างละเอียด สัตว์หลายชนิดกำลังถูกผ่าเพื่อทำการทดลอง พลันมันเห็นแคปซูลจำนวน 8 แคปซูล มันเพ่งมองสิ่งที่อยู่ในนั้น ร่างที่มองได้เพียงรางๆภายใต้ไอเย็นที่อวลอยู่ภายในแคปซูล ไอ้ควนแน่ใจว่าเป็นมนุษย์อย่างแน่นอน

       หัวใจเต้นแรง ดวงตาซึ่งจ้องมองอย่างตื้นเต้น ไอ้ควนดีใจอย่างยิ่งที่รู้ว่ามันไม่ใช่คนเดียวในโลกอีกต่อไป

       แผนการช่วยเหลือคนทั้ง 8 ผุดขึ้นในหัวไอ้ปุ่นอย่างมีระบบ

       7 , 8 , 9 , 10 , 11...ไอ้ควนนับจำนวนมนุษย์ต่างดาวได้ 11 ตัว มันหันมองอาวุธในตัว มีเพียงมีดเหน็บกับหน้าไม้ที่มันติดตัวมาตั้งแต่หลงป่าเมื่อ 5 ปีก่อน

       "เหนื่อยแน่เรา" ไอ้ควนนึกในใจเมื่อหยิบลูกดอก 9 ดอกออกมาทวนนับ

       งานนี้ต้องแม่นและเป็นไปตามแผน ไอ้ควนค่อยๆย่องเข้าไปใกล้กลุ่มมนุษย์ต่างดาวที่กำลังง่วนอยู่กับการทดลอง มันสำรวจหาจุดอ่อนในการโจมตี ข้อต่อระหว่างส่วนหัวกับลำตัวของชุดเกราะ จะเป็นจุดเดียวที่จะจัดการล้มมนุษย์ต่างดาวได้ในครั้งเดียว

       ฟุ่บบ...ลูกดอกแรกที่พุ่งออกจากหน้าไม้ พุ่งเข้าลำคอมนุษย์ต่างดาวที่ยืนอยู่เพียงลำพังอย่างแม่นยำ มันล้มลงสิ้นใจในทันที

       "สำเร็จ" ไอ้ควนนิ่งดูจนแน่ใจว่ามนุษย์ต่างดาวตายสนิท มันปีนขึ้นบนที่สูงหาชัยภูมิที่ได้เปรียบ ซึ่งสำคัญในการรบแบบซุ่มโจมตีที่เป็นรองด้านจำนวนคนเยี่ยงนี้

       ฟุ่บบ........ฟุ่บบ "เหลืออีก 8 ตัว" ไอ้ควนนับถอยหลัง พลางคลานต่ำเข้าไปใกล้เป้าหมายอีก 2 ตัวที่อยู่ตรงเครื่องมือสื่อสาร

       "ยืนยันโจมตีเป้าหมายในอีก 10 วัน..ยืนยันโจมตีเป้าหมายในอีก 10 วัน" เสียงมนุษย์ต่างดาวที่ส่งข่าวต่อกองกำลังที่กระจายอยู่ทั่วโลก ทำให้ไอ้ควนตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน

       "คราวนี้คงถึงกาลวิบัติของโลกอย่างแท้จริง"

       ไอ้ควนกระโดดลงไปฟันฉับเข้าที่คอมนุษย์ต่างดาวตัวแรก แล้วม้วนตัวไปแทงคออีกตัวที่นั่งตะลึง เสียงดังฟู่ออกมาจากบาดแผลพร้อมกับไอควันขาว ร่างของมนุษย์ต่างดาวทั้งสองค่อย ๆ แน่นิ่งไป

       "เสร็จไปห้า" ไอ้ควนหันไปมองมนุษย์ต่างดาวอีก 6 ตัวที่ดูเหมือนจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ กำลังผ่าตัดซากปลาสวายขนาดใหญ่อยู่

       ไอ้ควนย่องไปแอบหลังเตียงผ่าตัด ในมือถือมีดเหน็บกับหน้าไม้..พร้อมแล้วสำหรับศึก 6 ต่อ 1

       ฟุ่บบบ...ลูกดอกพุ่งปักคอมนุษย์ต่างดาวล้มลง อีก 5 ตัวที่เหลือตกใจในเหตุการณ์ยืนตะลึงงงอยู่สักครู่ ไอ้ควนรีบขึงหน้าไม้ดอกใหม่ ก่อนจะวิ่งเข้าประจัญบานกับมนุษย์ต่างดาวที่พากันกรูเข้ามา

       สัญชาตญาณการเอาตัวรอดในป่าทำให้ไอ้ควนรวดเร็วกว่ามนุษย์ต่างดาวมาก แม้ว่าความเร็วของพวกมันจะดูเร็วกว่ามนุษย์ทั่วไป มีดเหน็บในมือไอ้ควนคร่าชีวิตพวกมันได้สองตัวในคราวเดียว ขณะอีกตัวที่กำลังพุ่งเข้ามาต้องกระดอนไปเพราะฤทธิ์ของลูกดอก

       ไอ้ควนถือมีดยืนจ้องมนุษย์ต่างดาวสองตัวที่เหลือ พวกมันนึกเกรงฝีมือไอ้ จึงยังแค่จดจ้องอยู่ในระยะปลอดภัย

       ฟิ้ววว...มีดเหน็บในมือไอ้ปุ่นถูกขว้างเข้ากลางคอมนุษย์ต่างดาวอย่างรวดเร็ว ไอ้ควนหยิบลูกดอกในกระบอกไม่ไผ่แล้วพุ่งตรงไปยังมนุษย์ต่างดาวตัว สุดท้าย...ฉึกก..ปลายแหลมของลูกดอกปักที่รอยต่อเกราะที่ข้อมือ

       "แย่แล้ว..พลาดเป้า" ไอ้ควนนึกในใจ พลางกระโดดถอยหลังมาตั้งหลัก

       แต่แล้วมนุษย์ต่างดาวก็ล้มลง ควันขาวพวยพุ่งออกจากแผลที่ข้อมือ มันดิ้นอยู่สักพักแล้วก็แน่นิ่งไป

       ไอ้ควนยืนงง

       เมื่อมนุษย์ต่างดาวตัวสุดท้ายตายไปแล้ว ไอ้ควนจึงรีบวิ่งไปเปิดแคลซูลที่เก็บร่างมนุษย์ มันทำอย่างทุลักทุเล แต่ก็เปิดได้ในที่สุด ร่างทั้งแปดถูกอุ้มมาวางเรียงไว้บนพิ้น

       "ยังมีลมหายใจ" ไอ้ควนนึกดีใจที่มันจะไม่ใช่มนุษย์คนเดียวบนโลกอีกต่อไป มันยืนรอให้ทั้งแปดฟื้นคืนสติอย่างใจเย็น

       ในใจไอ้ควนยามนี้นึกหวั่นกับสิ่งที่มันได้ยินปากปากมนุษย์ต่างดาวถึงการรุกรานโลกในอีก 10 วัน

       "ยังไงก็จะไม่ให้เป็นอย่างนั้นแน่" ไอ้ควนคิดในใจ

จุลชีพ   โจ๋

๒๗  กันยายน  พ.ศ.  ๒๕๕๔

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น