![]() |
| แก้แค้น..สิบปียังไม่สาย |
เพล้งงงงง...งงง
เสียงกระจกแตกดังลั่น ทำให้ป้าแม้นต้องละมือจากหม้อแกงแล้วรีบวิ่งออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่หน้าบ้าน
"ใครมามาปาหน้าต่างบ้านกูวะ" ป้าแม้นโวยวายเมื่อเห็นกระจกหน้าต่างแตกเป็นรูโบ๋ เศษกระจกที่ยังติดอยู่เจียนจะตกแหล่มิตกแหล่ ถัดไปที่ข้างฝาพบก้อนหินขนาดเท่ากำปั้น ไอ้เหมียวแมวที่แกเลี้ยงกระโดดหลบไปนอนหมอบอยู่หน้าประตูบ้าน
"เฮ้ย ใครบังอาจทำหน้าต่างกูแตกวะ..ออกมาเดี๋ยวนี้นะเว๊ยย"....ทุกอย่างเงียบสนิท ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
ป้าแม้นชะโงกดูรอบๆหน้าบ้าน เพื่อที่จะหาไอ้ตัวต้นเหตุที่กระจกแตก..แต่ก็ไม่มีวี่แวว แกจำใจต้องเดินเข้าครัวไปหยิบไม้กวาดกับที่โกยขยะมาเก็บเศษกระจกที่กระจาย เต็มห้อง "อย่าให้กูรู้นะว่าใครทำ เดี๋ยวแม่จะแพ่นกระบาลให้" ป้าแม้นบ่นอย่างอารมณ์เสีย ไอ้เหมียวนั่งมองตามไม้กวาดป้าแม้นทำหางส่ายไปมา
เลยหน้าบ้านป้าแม้นไปสักสิบเมตร หลังต้นก้ามปูใหญ่ข้างถนนคันคลอง "ไอ้จืด"นั่งเอามือกุมตีนบิดไปบิดมาด้วยความเจ็บปวด อยากจะร้องออกมาแค่ไหนแต่ก็ต้องเอามือปิดปากไว้แน่น กลัวป้าแม้นได้ยิน
"ไอ้หมาเปรต กูจะเตะ เสือกกระโดดหลบทำไมวะ ไอ้ห่า.." ไอ้จืดนั่งบ่นพึมพำหมาแก่ข้างถนนที่มันจะเตะเพราะนอนขวางทางเดิน แต่พลาดไปโดนก้อนหินลอยปลิวไปโดนหน้าต่างบ้านป้าแม้นแตก ไอ้จืดนั่งเค้นเลือดจากเล็บที่หัวแม่ตีนฉีกจนเลือดเปรอะอีแตะตราช้างดาว เต็มไปหมด มันร้องครางเบาๆด้วยความเจ็บปวด
ส่วนหมาแก่ยืนคุมเชิงอยู่อีกฝั่งถนน...
ทุกคนในหมู่บ้านหนองหญ้าคา ต่างก็รู้ถึงกิติศัพท์ของไอ้จืด ความ"โหล่"ของมันเป็นที่เอือมระอาของคนทั้งหมู่บ้าน เอาเป็นว่า ถ้าไอ้จืดอยู่ที่ไหน ความวุ่นวายอยู่ที่นั่น
"งานการไม่เคยทำ วันๆได้แต่สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ไม่เคยได้สนใจว่าใครจะเป็นจะตายยังไงกับสื่งที่มันทำ" ลุงเข่งพ่อค้าปลาหน้าตลาด พ่อบังเกิดเกล้าของไอ้จืด ร่ายยาวให้นิยามคำว่า"โหล่"ของลูกชาย ทุกครั้งที่มีชาวบ้านมาบ่นกับแก "ไอ้ห่านี่ เมื่อไรมันจะโตเป็นเป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้เป็นคนกับเขาซะทีวะ" แกด่าทิ้งท้ายคำนิยาม
ไอ้จืดกระเผลกพาร่างที่ผอมแห้งราวคนติดยา ผมหยิกยาวรวบมัดไว้ด้วยยางเส้น เดินออกจากหลังต้นก้ามปูอย่างทุลักทุเล แต่ก็ไม่วายหยิบก้อนหินขวางหมาแก่ตัวนั้นอีก มันกระโดดหลบก้อนหินได้อีกครั้ง
ที่ม้าหินหน้าวัด ไอ้ข่อยลูกเจ๊กหนับเถ้าแก่โรงสี สมุนคนเดียวของไอ้จืด นั่งเอนหลังยกขาพาดขอบโต๊ะหินสูบบุหรี่อย่างสบายอารมณ์
ไอ้ข่อยเป็นคนๆเดียวในหมู่บ้านที่ยอมรับนับถือไอ้จืด กิริยาท่าทาง ทรงผม การแต่งกาย ทุกอย่างของมันล้วนถอดแบบมาจากมาจากไอ้จืดทั้งสิ้น ไอ้จืดเปรียบเสมือนไอด้อลของมัน เพราะเมื่อครั้งที่มันเรียนอยู่ ม.1 มันเคยโดนรุ่นพี่ ม.4 รุมกระทืบ โชคดีที่ไอ้จืด ที่ขณะนั้นกำลังจะจบ ม.3 ได้เข้ามาช่วยมันไว้ได้ มันจึงปวารณาตัวเป็นลูกน้องไอ้จืดนับแต่นั้นมา
"ผั๊วะ.." ไอ้ข่อยหัวทิ่มตามแรงกระทบที่ด้านหลังศีรษะที่พุ่งมาด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
"ใครวะ"...ไม่ทันจะพูดต่อ ม้วนหนังสือสตาร์ซ๊อกเกอร์ก็มาปะทะศีรษะของไอ้ข่อยด้วยความเร็วเท่าเดิมอีกครั้งหนึ่ง
"พี่จืด" ไอ้ข่อยเหลือกตามอง "มาตั้งแต่เมื่อไร ไม่ให้สุ้มให้เสียง" มันจำหน้าเจ้าของหนังสือได้
"เออ..กูเพิ่งมาถึง พวกนั้นมากันรึยังวะ" พลางไอ้จืดนั่งลงบนโต๊ะหิน ชันเข่าเหยียบขอบโต๊ะเอามือลูบหัวแม่ตีนเบาๆ นึกสะใจที่ได้ตบกระบาลไอ้ข่อยเพื่อระบายเรื่องเมื่อครู่
"ยังไม่มีใครมาเลยพี่ นี่มันเพิ่งแปดโมง อีกซักพักคงมาถึง" ไอ้ข่อยเอามือเกาหัวยิกตอบ
"เออ ดีละ งั้นเดี๋ยวมึงไปซื้อบุหรี่ให้กูซองนึง" ไอ้จืดพูดพร้อมหยิบบุหรี่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตของไอ้ข่อยขึ้นมาสูบ
"เดี๋ยวเราค่อยไปซุ่มที่กอไผ่ รอพวกนั้นมาแล้วค่อยทำตามแผน" ไอ้จืดพ่นควันอย่างสุขุม
"ครับ พี่" ไอ้ข่อยรับคำแล้ววิ่งไปซื้อบุหรี่ที่ร้านของชำหน้าวัด"แผนอะไรวะ" ไอ้ข่อย งง ที่ลูกพี่มันพูด
ที่แนวก่อไผ่ข้างวัด มันเป็นเหมือนรั้วกั้นเขตธรณีสงฆ์กับตำหนักยายฝนร่างทรงของเจ้าจามจุรีที่ ชาวบ้านศรัทธา สองข้างทางเข้าตำหนักนั้นช่างดูอึมครึม เต็มไปด้วยป่าไผ่กับกระถินแซมสลับกันไปตลอดแนว ทางเข้าที่ลูกรังยามนี้เต็มไปด้วยแอ่งน้ำหลังจากที่ฝนได้เทกระหน่ำมาเมื่อ คืน หมาไทยพันธุ์ทางขนาดเขื่องถูกล่ามโซ่ไว้ที่เรือนหลังเล็กข้างตำหนัก กรงนกขุนทองตั้งอยู่ข้างบันไดทางขึ้น และที่บนตำหนัก ยายฝนกับน้องงามหลานสาวคนสวยวัยกำลังขบเผาะ กำลังขะมักเขม้นช่วยกันทำความสะอาดเรือนเพื่อรอการมาของอาคันตุกะจากเมือง หลวง..
ทั้งหมดอยู่ภายใต้สายตาของไอ้จืดกับสมุนที่ซุ่มตัวเงียบอยู่ในป่าไผ่ข้างเรือน
"คอยดูนะไอ้ข่อย ความแค้นครั้งนี้กูจะเอาคืนให้สาสมเลย" ไอ้จืดกำหมัดแน่นบอกสมุนด้วยความเคียดแค้นที่สะสมมาตั้งแต่ต้นเดือน
เรื่องของเรื่องคือ ไอ้จืดต้องหมดเงินกับค่าหวยที่เจ้าแม่จามจุรีใบ้ให้เมื่องวดที่แล้ว แต่ชาวกรุงที่นั่งอยู่ด้วยกันในวันนั้นกับมันกลับถูกทั้งรางวัล และใต้ดินร่วมแสนบาท ไอ้จืดเลยนึกโมโห ไม่เชื่อว่าเจ้าแม่มีจริง..วันนี้มันจะแก้เผ็ดเจ้าแม่
"กูเสียไปตั้ง 40 บาท แค้นนี้ต้องชำระ" ไอ้จืดกัดฟันกรอด รำพึงรำพันกับตัวเองที่พลาดเลขท้ายสองตัวไปแต้มเดียว
"ชั้นว่า น้องงามนี่..ยิ่งโตยิ่งสวยนะพี่จืด" ไอ้ข่อยพูดสวนขึ้นอย่างไม่ทันคิดตามนิสัย ดวงตาหยาดเยิ้มจับจ้องไปที่หลานสาวสุดสวยของยายฝนที่ไอ้จืดหมายปองจะได้มา ร่วมเรียงเคียงหมอน
"ผั๊วะ" เสียงฝ่ามือปะทะหัวไอ้ข่อย
"เฮ้ย ไอ้ข่อย...กูเนี่ยนะเว๊ย เรื่องความแค้นต้องมาก่อน ความรักเอาไว้ที่หลัง มึงโปรดเข้าใจไว้ด้วย" ไอ้จืดแสดงจุดยืนอย่างมั่นคง
"คร้าบพี่ แหม..ชั้นก็ล้อพี่เล่นไปยังงั้นแหละ ทำเป็นโมโหไปได้" ไอ้ข่อยเอามือเกาหัวยิกๆ
เวลาล่วงไปจนถึงสิบโมงเช้า "พี่..พี่จืด ชั้นว่าเราเปลี่ยนที่เหอะ ตรงนี้มดมันเยอะอ่ะ" ไอ้ข่อยว่า
"เฮ้ย..ทนหน่อย ออกไปตอนนี้ยายฝนก็จับได้สิวะ" ไอ้จืดชี้มือไปทางยายฝนกับหลาน
"หิวข้าวด้วยอ่ะ" ไอ้ข่อยบ่นต่อ
"มึงนี่เยอะเรื่องจังวะ ทนหน่อย เดี๋ยวพอยายฝนเข้าไปค่อยย้ายที่ก็ได้" ไอ้จืดปลอบใจสมุน
"พี่ พี่ นั่นๆๆ..มากันแล้ว" ไอ้ข่อยสังเกตุเห็นรถตู้คันใหญ่ขับตรงเข้ามา แล้วขับเลยไปจอดหน้าตำหนัก
ยายฝนออกมาต้องรับอยู่ใหญ่พัก แล้วแกก็พากันเข้าไปด้านใน เหลือเพียงแต่น้องงามที่แยกตัวกลับไปห้องนอนในเรือนเล็ก
"เฮ๊ย..ไปกันได้แล้ว" ว่าแล้วทั้งคู่ก็เริ่มปฏิบัติการแก้แค้น ค่อยๆย่องเลาะป่าไผ่ไปหลบที่ใต้ถุนตำหนัก
"เอาไงต่อล่ะพี่จืด" ไอ้ข่อยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น รอฟังแผนการ
"เออ..เดี๋ยวๆ รออีกเดี๋ยว ให้เขาเริ่มพิธีกันก่อน" ไอ้จืดว่า
เสียงบริกรรมคาถาของยายฝนดังลอดช่องห่างพื้นกระดานมาจนถึงใต้ถุน..เสียงยายเริ่มฝนเปลี่ยน
ถึงครานี้ไอ้ข่อยนั่งก้มหน้ากระสับกระส่ายรอฟังแผนการจากลูกพี่..แต่ไอ้จืด กลับกำลังจ้องเขม็งข้ามหัวสมุนไปยังห้องน้ำเรือนเล็กที่น้องงามเพิ่งเดิน เข้าไป
"เดี๋ยวมึงรอกูให้สัญญาณอยู่ตรงนี้ อะ..เอ่อ แล้วกูจะไปคอยสังเกตุการณ์อยู่ทางโน้น" ไอ้จืดชี้นิ้วไปทางเรือนเล็ก
"ดะ..ดะ ได้ พี่" ไอ้ข่อยรับคำสั่งแบบ งงๆ
ไม่ทันได้รอฟังคำถามจากสมุน ไอ้จืดก็รีบลุกพรวดมุ่งตรงดิ่งไปทางห้องน้ำทันที ปล่อยทิ้งไอ้ข่อยให้นั่งมึนกับคำสั่ง
"สัญญาณอะไรวะ" ไอ้ข่อยนั่งเกาหัวยิกๆมองตามไอ้จืดไปจนลับตา
"น้องงามจ๋า วันนี้พี่จืดขอเชยชมเรือนร่างของน้องงามแบบเต็มๆตาซักครั้งนะจ๊ะ" ไอ้จืดถูมืออย่างย่ามใจตรงดิ่งไปทางห้องน้ำ มันยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
"ซ่าา..." เสียงน้ำจากฝักบัวยิ่งทำให้ไอ้จืดฮึกเหิมหนัก มองหาช่องรอบห้องน้ำเพื่อจะสอดสายตาเข้าไปภายใน
"ห่า..ผนังปูนแบบนี้จะมีรู้ได้ยังไงวะ" มันเริ่มฉลาด
"ชัด ช้าดีดั้ด..ชัด ชัดช้าดีดั้ด..." เสียงฮัมเพลงเบาๆจากในห้องน้ำยิ่งทำให้ไอ้จืดตื่นเต้นเป็นเท่าตัว
"เฮ๊ย..เจอแลัว ตรงนั้นน่าจะได้" ไอ้จืดเหลือบมองเห็นช่องตรงจั่วเหนือประตู
ใกล้ๆกันมีต้นก้ามปูต้นหนึ่งที่พอจะมีกิ่งยื่นไปใกล้ตรงนั้นมากที่สุด"ก้ามปูอีกแล้วเหรอวะ"ไอ้จืดครวญ
มันปีนขึ้นต้นก้ามปูอย่างทุลังทุเล เพราะอาการบาดเจ็บเมื่อเช้า เลือดที่เล็บตีนเริ่มซึมออกมาทีละน้อย
"สำเร็จ" ไอ้จืดภูมิใจที่ปีนขึ้นมาจนถึงโคนกิ่งไหญ่ที่ยื่นไปที่หน้าห้องน้ำ ครานี้เหงื่อกาฬไอ้จืดแตกพลั่ก ตื่นเต้นที่จะได้เห็นน้องงามในสภาพเปลือยเปล่า ไอ้จืดเอามือปาดเหงื่อก่อนจะเริ่มปีนต่อไปยังปลายกิ่ง มันไม่ได้สนใจเลือดที่เล็บตีนที่ไหลมากขึ้น
ไอ้จืดค่อยๆไต่มาจนเกือบสุดปลายกิ่ง เหงื่อที่หลั่งออกมามากมายทั้งตัว และ ฝ่าตีน!! ทำให้ไอ้จืดต้องหยุดปาดเหงื่ออีกครั้ง"น้องงามจ๋า ครั้งนี้พี่จืดขอนะ" เหลืออีกไม่ถึงเมตร กลิ่นสบู่ลอยมาเตะจมูก ไอ้จืดสูดหายใจฟืดใหญ่ มันเริ่มปีนต่อ...
"พรืดดดด...ดด"...........ตุบ
การออกสตาร์ทครั้งนี้ ทำให้ไอ้จืดรู้จัก"เซอร์ ไอแซก นิวตัน"มากขึ้น ทฤษฎีแรงโน้วถ่วง (gravitational force) ที่มันไม่เคยสนใจเรียนในวิชาฟิสิกข์เมื่อสมัย ม.5 แล่นปรู๊ดเข้ามาในหัว
รองเท้าที่ชุ่มไปด้วยเลือดและเหงื่อทำให้ไอ้จุกเหยียบกิ่งไม้พลาดลื่นพลัดตกจากต้นก้ามปู
ไม่มีเสียงร้อง..ไอ้จืดตัวงอเป็นกุ้งนอนจุกอยู่หน้าห้องน้ำ หลังมันเต็มไปด้วยขี้เลนจากดินลูกรัง อีแตะช้างดาวตัวปัญหากระเด็นไปตกอยู่โคนต้นก้ามปู
เสียงน้ำจากฝักบัวหยุดไหล เตือนสติให้ไอ้จืดต้องพยุงตัวลุกเพื่อออกไปจากตรงนั้นให้ทันก่อนที่น้องงามจะออกมา
น้องงามนุ่งกระโจมอกเดินออกจากห้องน้ำ กลิ่นสบู่อ่อนๆลอยมากระทบจมูกไอ้จืดที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นก้ามปู..มันไม่คิด หันไปมองแม้แต่น้อย อาการจุกของไอ้จืดหนักเอาการ
น้องงามเดินเข้าเรือนไปแล้ว ไอ้จืดถึงได้เดินตัวงอหลบไปทางป่าไผ่ตรงดิ่งกลับบ้านเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
"กูไม่เอาอีกแล้ว กูไม่เอาอีกแล้วต้นก้ามปู กูจะไม่เข้าใกล้อีกแล้ว" ไอ้จุกรำพันกับตัวเองตลอดทางกลับบ้าน
....จวบจนบ่ายแก่ๆ อาคันตุกะชาวกรุงลายายฝนกลับเมืองหลังจากเสร็จพิธี ยายฝนขอติดรถไปซื้อกับข้าวในตลาด
....น้องงามก็ไปเรียนหนังสือที่มหาลัยในอำเภอตั้งแต่ตอนเที่ยง
....ไอ้จืดกลับไปนอนกินน้ำใบบัวบกอยู่ที่บ้าน
....เหลือเพียงแต่
....ไอ้ข่อย นั่งกอดเข่าหันรีหันขวางรอสัญญาณจากลูกพี่มันอย่างเดียวดาย..."พี่จืด ผม หิว ข้าว" ไอ้ข่อยรำพัน..
จบตอน
จุลชีพ โจ๋
๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น