วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เรื่องสั้นที่หายไป

ความทรงจำที่เลือนราง





        เงียบเสียงแป้นพิมพ์..

        อารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ไร้ซึ่งสมาธิ ไร้ซึ่งความรู้สึกอื่นใดนอกจากความโกรธ ในเวลาเช่นนี้ แป้นพิมพ์ดีดจึงนิ่งสนิทไม่มีการเคลื่อนไหวเหมือนเช่นทุกวัน มันเป็นเพียงเป้าสายตา ในขณะที่สองมือที่เคยสัมผัสรัวนิ้ว กำนิ่งอยู่ข้างๆเครื่องเล่นซีดีที่เงียบเสียงมาตั้งแต่ตอนเย็น



        แสงรางปลายฝัน..

        สุธี นักเขียนรุ่นใหญ่ผู้ช่ำชองในแวดวงวรรณกรรม นั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่หน้าโต๊ะทำงานข้างหน้าต่าง ปล่อยให้ม่านที่พลิ้วลมเป็นระยะๆ หยอกเอินปัดผมหยิบฟูของสุธีในยามที่ลมกระโชกแรง ในขณะที่ไฟในบ้านดับสนิท แสงไฟจากถนนส่องทอดเงาสุธีในกรอบสี่เหลี่ยม ตัดกับความมืดเข้มบนพื้นไม้กระดาน

        เรื่องสั้น 13 เรื่อง ที่สุธีตั้งใจเขียนเรื่องนี้ เขาตั้งใจจะนำเรื่องราวในชีวิตจริงของเขา ให้โลดแล่นผ่านตัวหนังสือ เขามั่นใจว่าปีนี้หนังสือรวมเรื่องสั้น " จริตของสุธี " คงมีรางวัลซีไรต์ เป็นเป้าหมายที่ไม่ไกลเกินเอื้อม

       มโนภาพบนแผ่นกระดาษ..

       เรื่องราวตั้งแต่วัยเยาว์ถูกถ่ายทอดเป็นตอน ๆ อย่างได้อรรถรส สามารถดึงผู้อ่านให้กลับเป็นเด็กไปโดยไม่รู้ตัว เรื่องความคิดที่หลงผิดในสมัยวัยรุ่น สามารถเรื่องน้ำตาผู้อย่างได้อย่างไม่ต้องสงสัย ภาพการพลิกชีวิตยามเมื่อเขาเบนเข็มมาเป็นนักเขียนจนประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงโด่งดัง จะสามารถจุดประกายให้เกิดนักเขียนรุ่นใหม่ ให้เดินตามฝันเช่นเดียวกับสุธี นี่เป็นคำชมของปรมาจารย์นักเขียนท่านหนึ่ง ที่ได้มาอ่านต้นฉบับที่ยังเขียนไม่เสร็จของสุธีเมื่อสามวันก่อน ท่านว่า ปีนี้รางวัลซีไรต์คงตกมาอยู่ในมือสุธีเป็นแน่

        เรื่องราวบนหน้ากระดาษล้วนเกิดมาจากเรื่องจริงของสุธีทั้งสิ้น แน่ล่ะ มันต้องมีการตัดเสริมเติมแต่งเพื่อให้ได้ความสนุกในการอ่าน ตามแบบฉบับที่เป็นเอกลักษณ์ของสุธี ทุกครั้งที่เขาเริ่มลงมือเขียนบทใหม่ เขาจะอ่านตั้งแต่วรรคแรกจนถึงวรรคสุดท้ายที่หยุดไป สุธีไม่เคยคิดกลับไปแก้งานของเขาเลย

        ตัวละครที่โลดแล่นอย่างมีชีวิต สภาพบรรยากาศรอบๆ ที่สุธีบรรยายในเรื่องสั้นแต่ละตอนนั้น มันช่างสมบูรณ์แบบเสียยิ่งกระไร ฉากต่างๆถูกวางไว้อย่างลงตัว จังหวะการเดินเรื่องไม่ทำให้ผู้อ่านเบื่อ แง่คิดที่เขาแฝงไว้สามารถทำให้ผู้อ่านคล้อยตามได้โดยไม่รู้สึกตัว นี่เป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ที่สามารถขึ้นหิ้งเทียบชั้นบรมครูรุ่นเก่า เขาเชื่อเช่นนั้น

        ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา สุธีมุ่งมั่นกับการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ แต่ถึงแม้กระนั้น การดำเนินชีวิตก็เป็นไปตามปกติ เขาไม่เคยให้งานมามีส่วนทำให้ชีวิตต้องเปลี่ยนไป การพบปะสังสรรค์ในหมู่เพื่อนฝูงยังคงมีตามปกติ โรงภาพยนตร์ยังคงเป็นที่ผ่อนคลายอารมณ์ล้า จากงานเขียนรายปักษ์ในนิตยสารชื่อดังฉบับหนึ่ง

        จุดเปลี่ยน..

        เรื่องราวทั้งในชีวิตจริงและเรื่องสั้น ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายไม่ติดขัด จนเมื่อสุธีได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากญาติ

        "พ่อเอ็งล้มในห้องน้ำ ตอนนี้นอนอยู่ที่โรงพยาบาล" เสียงจากปลายสายดังก้องในหัวสุธี แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเสียงจากโทรศัพท์

        ตลอดเวลาเกือบสี่ชั่วโมง หลังจากที่สุธีได้รับโทรศัพท์ เขานั่งนิ่งอ่านเรื่องสั้นครั้งแล้วครั้งเล่า

        ไม่มีเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อวัยชรา ไม่มีเรื่องราวเกี่ยวกับแม่ที่เสียชีวิต เมื่อครั้งก่อนที่สุธีจะมาอาศัยอยู่กับป้าในเมืองหลวง ไม่มีสภาพร่มรื่นของหมู่บ้านในชนบทที่เขาจากมาร่วมสามสิบปี

        ทำไมถึงลืมเรื่องราวเหล่านี้ไปได้ แม้ว่าสิ่งที่ปรากฏอยู่ในหน้ากระดาษ จะสร้างความสุขแก่ผู้อ่าน แต่ทำไม...

        ความรู้สึกโกรธ โกรธตัวเองของสุธี ผุดขึ้นทุกครั้งที่อ่านเรื่องสั้น ทำไม..ทำไม เป็นคำถามที่ดังก้องอยู่ในหัวสุธีตลอดเวลา

        "เรื่องสั้นชุดนี้ คงไม่ได้รางวัลซีไรต์ ถึงได้ มันก็ไม่ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจ" สุธีคิด

        กระเป๋าใส่เสื้อผ้าใบใหญ่ที่วางอยู่ข้างประตู ต้นฉบับงานที่ยังค้างส่ง ถูกเตรียมไว้สำหรับการเดินทางกลับบ้านเกิดในเช้าวันพรุ่งนี้

        ต้นฉบับเรื่องสั้นที่ที่เกือบจะสมบูรณ์ กองอยู่ข้าง ๆ เครื่องพิมพ์ดีด...สุธีตั้งใจที่จะทิ้งมันไว้อย่างนั้น


จุลชีพ   โจ๋

๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น