วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

โลกกว้างในกรงแคบ






      ในยามที่สายฝนโปรยปรายไม่ขาดสายเช่นนี้ มันช่างเป็นห้วงแห่งเวลาที่มืดมิดยิ่งนัก ไม่ว่าจะมองไปทางใด ก็จะพบเจอแต่สิ่งที่หวนพาให้ใจรู้สึกหดหู่ ความท้อแท้พลันบังเกิดขึ้นในใจในบางเวลา ความหนาวเย็นแทรกผ่านชั้นผิวลึกลงไป..ทำไมใจข้านั้น ช่างอ่อนแอเช่นนี้




      มองลอดผ่านลูกกรง เพ่งพินิจฝูงมดมี่ขนย้ายตัวอ่อนขึ้นที่สูง มันช่างเหมือนกับมนุษย์ ในยามที่ประสบภัยพิบัติ ต่างหนีตายเอาตัวรอด เพื่อที่จะรักษาชีวิตให้อยู่รอด บนโลกที่แฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม ทั้งจากมนุษย์ด้วยกันเองและจากธรรมชาติ หากเพ่งฟังดีๆเสียงอื้ออึงแห่งความวุ่นวายของฝูงมดนั้น มันไม่ต่างจากที่เราพบในสังคมมนุษย์เลย

      หันไปอีกทาง มองเลยไปยังผืนดินที่สายฝนตกกระทบผิวดิน ณ.มุมแห่งความแสวงหาผลประโยชน์ คางคกที่ผงาดกายยืนท้าทางสายฝน กำลังพุ่งลิ้นที่ยาวเหนียว กระหวัดเกี่ยวเหล่าแมลงเม่าที่ร่วงกราวจากฟากฟ้า ในยามที่โดนเม็ดฝนปะทะ ปีกที่หักไม่สามารถพาให้มันบินต่อไปยังจุดหมายได้ ภาพที่เห็นพาให้ข้าสะท้อนใจ ถึงเหล่าผู้ยากไร้ไม่มีจะกินต้องตกเป็นทาสของผู้มีอำนาจ ในยามที่มีการแก่งแย่ง ดิ้นรนทำมาหากินในสังคมเมือง สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น ที่เกิดขึ้นในยุคมืดของจิตวิญญาณ..

      ทำไมคางคกไม่ไปกินพืชเป็นอาหาร แทนที่จะไปทำร้ายเจ้าแมลงเม่า ที่กำลังกระเสือกกระสนดิ้นรนปีนป่ายขึ้นจากแอ่งน้ำขัง ทำไมเจ้าไม่เห็นถึงความทุกข์ยากของผู้อื่นนะ เจ้าคางคก..

      ข้าได้แต่คิด ไม่สามารถเข้าไปช่วยเจ้าแมลงเม่าเหล่านั้นได้..

      มือเหนี่ยวกำลูกกรงเหล็ก ด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยากจะออกไปช่วย แต่ไม่สามารถทำได้ ข้าก้มหน้าพลางนึกย้อมในเรื่องเวรกรรมแต่ชาติปางก่อน

      เบือนหน้าหนีให้พ้น จากความภาพที่ดึงอารมณ์ข้าสู่ก้นบึ้งแห่งความรันทด ผินมาอีกด้าน เจ้าแมวตัวน้อยที่นอนพลิ้มอยู่ เจ้าช่างไม่รู้สึกรู้สา ถึงความโหดร้ายที่อยู่ภายนอกบ้างเลยหรือ..ใช่สิ เจ้ามีขนที่ฟูนุ่ม จนความเยือกหนาวมิอาจแพ่วพานเจ้าได้ ภายใต้ร่มเงานี้ มันคงทำให้ความรู้สึกของเจ้าหดหายไป อิสระที่เจ้าจะเผ่นโผนในโลกกว้างนั้น มันคงทำให้เจ้าลืมนึกถึงความทุกข์ยากของผู้อื่น ทำไมจิตใจเจ้าช่างโหดร้ายเช่นนี้..

      ถ้าข้าหลุดจากกรงนี้ได้เมื่อไร เจ้าจะเป็นคนแรกที่ข้าจะรี่ตรงเข้าไปถามความรู้สึกที่เย็นชา ต่อการความเดือดร้อนทุกข์ยากของผู้อื่น ทำไมเจ้าถึงไม่เข้าไปช่วยเหลือ ทั้งๆที่เรื่องมันเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าของเจ้า..ข้านี้เคียดแค้นเจ้ายิ่งนัก เจ้าแมวน้อย

      ละมือจากลูกกรง พันธนาการเดียวที่กางกั้นข้ากับโลกภายนอก นอนเอามือก่ายหน้าผาก มองหมู่นกที่บินวนอยู่เบื้องบน

      ถ้าข้ามีปีกเช่นเจ้าได้ ก็คงจะดีนะเจ้านกน้อย เจ้าบินอยู่เหนือสิ่งใดๆในโลกนี้ก็ได้ เจ้าเป็นเหมือนริ้วแห่งความฝันของข้า แม้เจ้าจงผกผินอยู่เหนือหัวข้า แต่ก็ยังไม่สามารถจับต้องได้ เจ้าเป็นสิ่งที่ข้าใฝ่ฝันอยากจะเป็นอย่างที่สุด

      ถ้าเป็นไปได้ เจ้าช่วยพาข้าออกไปจากที่ตรงนี้ด้วยเถิด เจ้านกน้อย..

      หลับตานึก...

      ในเมื่อโลกมันเป็นเช่นนี้แล้ว ข้าขอปฏิญาณตนว่า จะไม่คล้อยตามสภาพที่เป็นอยู่ ข้าจะต้องฝ่าฟัน และนำพาตัวเอง ให้ไปถึงจุดมุ่งหมายในชีวิตให้ได้

      ข้ารับปากเจ้านะ เจ้าแมลงเม่า วันหนึ่งถ้าข้ามีโอกาส ข้าจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือพวกเจ้าให้ได้

      ข้าต้องสร้างกำลัง ที่จะขับเคลื่อนกายข้า

      ข้าจะตั้งใจเรียนรู้กฏเกณฑ์ในสังคม เพื่อหาทางออกที่ดีให้ทุกคนอยู่รวมกันโดยปกติสุขให้ได้

      ข้าจะไม่เอารัดเอาเปรียบผู้ที่อ่อนแอกว่า

      แต่..

      ตอนนี้ ถึงเวลาที่ข้าจะต้องกินนมนอนแล้ว ข้าขอตัวไปเรียกแม่ข้าก่อนนะ

      ........แง๊........


จุลชีพ   โจ๋

๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔

1 ความคิดเห็น: