วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ปฐมบทแห่งสันติภาพ EPISODE 1




         ภาพของยายฉินที่ก้มลงจูบแผ่นดินไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิ ปรากฏอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ

         8 ปีกว่า ที่ยายฉินแม่ม่ายยุงลายวัยชรา ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนไปศึกษาปริญญาเอกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา กับประสบการณ์ 6 ปีในองค์การนาซ่า ทำให้การกลับมาเยือนมาตุภูมิครั้งนี้ของยายฉิน เป็นความหวังที่บรรดายุงทุกสายพันธุ์ในเมืองไทย จะได้มีการยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ดังคำกล่าวของยายฉินที่ว่าไว้ก่อนจะกลับมาเมืองไทย



         "สันติ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า" คำกล่าวที่ยายฉินให้สัมภาษณ์ไว้กับนิตยสารไทม์

         "ดิฉันจะนำความรู้ที่ได้ มาพัฒนาพื้นที่ทำกินของยุงทุกตัวในเมืองไทย เราจะเปลี่ยนโลกทัศน์ และอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสันติ"

         เสียงเฮดังลั่น เมื่อยายฉินจบคำกล่าวสุนทรพจน์

         ณ. ห้องทดลองแถบชานเมือง

         ยายฉินกับเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ยุง กำลังทำการทดลองชุดหน้ากากยุงดำน้ำ สิ่งประดิษฐ์ที่ยายฉินเป็นผู้คิดค้น มันเป็นอีกก้าวของวิวัฒนาการยุงในยุคใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่การอยู่ร่วมกับมนุษย์ นับจากนี้เมื่อชุดดำน้ำสร้างสำเร็จ เลือดของมนุษย์จะไม่ใช่อาหารของยุงอีกต่อไป ว่ากันว่า รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปีนี้ คงต้องตกเป็นของยายฉินอย่างไม่ต้องสงสัย

         4 เดือนแห่งความพยายามของยายฉิน ในที่สุดชุดดำน้ำยุงก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง

         "ฉันว่าจะลองเอาไปทดสอบในแม่น้ำจริงๆดูสักครั้ง" ยายฉินเอ่ยเปรยกับเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งก็ได้รับเสียงสนับสนุน ทั้งจากทางรัฐบาลและมวลชนยุง

         อีก 3 วัน ชุดดำน้ำยุงจะได้ถูกทำการทดสอบในสภาพภูมิประเทศจริง แม่น้ำท่าจีนถูกเลือกให้เป็นสถานที่ทำการทดลอง ยายฉินใจจดใจจ่อ "มันต้องสำเร็จ มันต้องสำเร็จ" ยายฉินภาวนา

         1 วันก่อนทำการทดลอง..

         ข่าวการทดลองถูกสื่อทั้งในและต่างประเทศตีพิมพ์ไปทั่ว พื้นที่รอบบริเวณวัดสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ทดลอง จึงวุ่นวายไปด้วยผู้สื่อข่าวมนุษย์และยุง จนเจ้าอาวาสถึงกับไข้ขึ้น ต้องปล่อยให้หลวงตาเข่ง รองเจ้าอาวาสจัดการเรื่องแทน

         เย็นนั้นระหว่างที่ให้อาหารปลา เสียงพร่ำบ่นตามประสาหลวงตาเฒ่าถึงเรื่องการทดลองก็รู้ถึงหูนางยงค์ปลาสวายแม่ลูกอ่อน

         "อะไรกัน เพียงแค่อยากสร้างสัมพันธ์กับคน แต่กลับมาสร้างความเดือดร้อนแก่สัตว์น้ำ" นางยงค์บ่นกับไอ้ปุ่นลูกปลาที่นอนป่วยเป็นไข้หวัดปลาอยู่ใต้ท่าน้ำวัดสามชุก

         09:59:50 น. เริ่มเวลาทำการทดลอง..

         10..9..8..7..6..5..4..3..2..1..0..เสียงตะโกนนับเวลาถอยหลังของผู้คนที่รุมล้อมอยู่รอบพื้นที่ทำการทดลอง

         จ๋อม!! เสียงของยายฉินที่ร่อนลงในน้ำพร้อมหน้ากากดำน้ำต้นแบบ..

         เวลาแห่งประวัติศาสตร์ แสงแฟรชวูบวาบไปทั่วบริเวณท่าน้ำวัดสามชุก ภาพที่ยายฉินมุดหายลงไปในน้ำ จะเป็นข่าวพาดหัวในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในวันรุ่งขึ้นเป็นแน่

         ยายฉินแหวกว่ายทดสอบชุดดำน้ำอยู่ในน้ำนานกว่าสิบนาที แต่กลับไม่เห็นปลาในน้ำสักตัว แกพยายามว่ายไปทุกจุดที่เคยสำรวจมาก่อนหน้านี้ด้วยดาวเทียม

         ผู้คนและผู้ยุงที่ยืนรออยู่บนฝั่ง ต่างก็รอการขึ้นจากน้ำของยายฉินอย่างกระวนกระวาย เพราะจากการทดลองเบื้องต้น ชุดนี้ยังไม่เคยอยู่ในน้ำได้เกินยี่สิบนาที นายกรัฐมนตรีของไทยยกนาฬิกาขึ้นดู

         "18 นาที 20 วินาที" ความวิตกกังวลของนายกฯแสดงออกทางสายตาที่กระสับกระส่าย

         ฉับพลันนั้น!! ร่างของยายฉินก็ทะลึ่งพรวดขึ้นเหนือผิวน้ำ เสียงไชโยโห่ร้องดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ แกชูสองนิ้วเป็นการยืนยันถึงความสำเร็จในผลการทดสอบ เรือกู้ชีพรีบเข้าไปประคองร่างยายฉินขึ้นจากน้ำ เสียงปรบมือดังกึกก้องอีกครั้ง เมื่อแกถอดหน้ากากดำน้ำแล้วใช้มือปาดเลือดปลาที่ริมฝีปาก

         เช้าวันรุ่งขึ้น ภาพยายฉินกับหน้ากากดำน้ำ ถูกตีแผ่ไปทั่วโลก สันติภาพระหว่างมนุษย์กับยุง เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก

         ณ.ห้องทดลอง ใน 3 วันต่อมา..

         ซากกระจัดกระจายของเครื่องมือภายในห้อง กับศพของเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ยุงของยายฉิน เป็นที่น่าสยดสยองต่อผู้พบเห็นยิ่งนัก ไม่มีใครพบศพยายฉิน แม้ว่ากองกำลังที่สนธิระหว่างตำรวจกับทหารกว่า 500 นาย จะกระจายกำลังค้นหายายฉินไปทั่วรัศมี 5 กิโลเมตร

         ปฏิบัติการค้นหายายฉินหยุดลงในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา ความเศร้าโศกปกคลุมเมืองไทยไปทั่ว แสงเทียนที่ถูกจุดเพื่อไว้อาลัยต่อการจากไปของยายฉิน สว่างไปทั่วเขตกรุงเทพฯ

         ข่าวหน้า 1 ตีพิมพ์เรื่องของยายฉิน องค์การสหประชาชาติตกลงจะมอบรางวัลโนเบลให้แก่ยายฉิน ถึงแม้ว่ายายฉินจะจากโลกนี้ไปแล้ว ข่าวนี้กลบหัวข้อข่าวเล็กๆ ที่มีชายนิรนามเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ

         ที่ใต้ท่าน้ำวัดสามชุก..

         นางยงค์ว่ายทวนน้ำทั้งน้ำตาไว้อาลัยต่อการจากไปของลูกชาย ท่ากลางบรรยากาศที่เศร้าสลดในหมู่ปลาสวาย

         นพ.วิชัย ปลาหมอผู้อำนวยการโรงพยาบาลปลา ได้แต่ปลอบนางยงค์

         "ยังไง การเสียสละของเจ้าปุ่น ก็มีค่าต่อประชากรสัตว์น้ำทั่วโลก" นพ.วิชัย ปลาหมอผู้อำนวยการโรงพยาบาลปลา ได้แต่ปลอบนางยงค์

         "เจ้าค่ะ" นางยงค์พยักหน้าตอบรับ

         "วันนั้น ถ้าเจ้าปุ่นไม่ออกไปให้นางยุงนักวิทยาศาสตร์กินเลือด อนาคตของสัตว์น้ำคงจะสิ้นสุดในไม่นาน" นพ. วิชัยกล่าว

         "เจ้าค่ะ"..น้ำตาของนางยงค์ทาบทาไปทั่วลุ่มสายน้ำท่าจีน

         4 เดือนต่อมา ประชากร 1 ใน 4 ของโลก ต้องเผชิญกับโรคระบาดที่ไม่มีวันรักษา ซึ่งในภายหลัง หลังจากที่พบศพยายฉินในทะเลทรายซาฮาร่า ผลวิจัยที่ออกมาจึงพบว่าโรคระบาดที่เกิดขึ้นนั่นมาจาก "ไข้หวัดปลา"

         12 ธันวาคม ค.ศ. 2012 หายนะในนาม "ไข้หวัดปลา" ได้คร่าชีวิตมนุษย์คนสุดท้ายไปจากโลกนี้..

                           ..............ศักราชใหม่ของโลกใหม่ได้อุบัติขึ้น..............

จุลชีพ   โจ๋

๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น